โลกของศิลปะนั้นจะว่าไปแล้วมันอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษย์เลยก็ว่าได้ หากสังเกตให้ดีทุกช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ของมนุษย์จะมีเรื่องราวของประวัติศาสตร์แทรกอยู่เสมอ หรือบางครั้งก็เป็นศิลปะเองนั่นแหละที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องบันทึกเรื่องราวของประวัติศาสตร์นั้น จึงไม่แปลกที่ศิลปะจะมีการแบ่งแยกออกเป็นยุคตามช่วงเวลา ศิลปะไบแซนไทน์ เราอาจจะเคยได้ยินชื่อมานานแต่อาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรมีความเป็นมาอย่างไร
ศิลปะไบแซนไทน์ คืออะไร
สำหรับศิลปะไบแซนไทน์นั้น ความหมายก็คือศิลปะของรัฐที่นับถือ นิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ เราแบ่งย่อยออกเป็นสองกรณีหนึ่งเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรไบแซนไทน์ สองเมืองที่ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรไบแซนไทน์ โดยศิลปะไบแซนไทน์เป็นศิลปะที่ได้รับความนิยมและรุ่งเรืองมากในยุคหนึ่ง มีการเล่าเรื่องผ่านภาพ สถาปัตยกรรม และงานศิลปะอีกมากมายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองจน ปัจจุบันสามารถพบเห็นงานศิลปะไบแซนไทน์ได้จากประเทศกรีซ ประเทศรัสเซีย หรือประเทศอื่นที่ยังนับถือศาสนาคริสต์นิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์อยู่
ศิลปะไบแซนไทน์นั้น เป็นศิลปะที่เกิดขึ้นมาจากความเชื่อทางด้านศาสนา ทำให้งานศิลปะที่ออกมาจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาเป็นส่วนใหญ่ จะเจาะไปที่ศาสนาคริสต์เป็นหลัก งานจะเป็นการสร้างขึ้นเพื่อบูชา หรือ ตอบสนองความเชื่อของตนเองที่มีต่อศาสนาคริสต์ หรือ บางงานอาจจะเป็นการสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองพิธีกรรมทางศาสนาก็มีด้วยเหมือนกัน
สถาปัตยกรรมไบแซนไทน์
งานศิลปะไบแซนไทน์ เริ่มจากงานสถาปัตยกรรมเรื่องอาคาร โบสถ์ วิหาร ลักษณะของศิลปะแนวนี้ด้านนอกจะเหมือนไม่มีอะไร เป็นสีเรียบๆ ทื่อๆ แต่ด้านในจะเป็นการตกแต่งด้วยเศษหินแวววาว เอามาเรียงร้อยกันแบบที่เราเรียกกันว่า ภาพโมเสก อีกหนึ่งจุดเด่นของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ก็คือโดม จะเห็นว่าอาคารในยุคนี้จะมีโดมเป็นส่วนประกอบหลักเลย ใหญ่เล็กต้องมีโดมเป็นจุดเด่นหมด ส่วนการออกแบบอาคารถ้าหากเป็นโบสถ์จะมีการออกแบบให้หลากหลายออกไปแต่ทั้งหมดจะสื่อไปในทางสัญลักษณ์ทางศาสนาอย่าง โบสถ์ไม้กางเขน เป็นต้น
งานจิตรกรรม
ภาพงานจิตรกรรมในศิลปะไบแซนไทน์ ส่วนใหญ่ภาพที่วาดนั้นจะเกี่ยวข้องกับศาสนาเป็นหลัก อาจจะเป็นภาพเรื่องของความเชื่อหลังความตาย ภาพของพระเจ้า ภาพของนักบุญตามความเชื่อจากประสบการณ์ของพวกเค้าเอง และภาพเกี่ยวกับศาสนกิจของคนในอาณาจักรนั้น หรือบางภาพอาจจะตีความตามจินตนาการของคัมภีร์ก็ได้เช่นกัน โดยวิธีการวาดภาพจิตรกรรมจะใช้สีฝุ่น สีขี้ผึ้งร้อน และ สีปูนเปียกอย่างแห้งมาเป็นตัวกลางในการวาดภาพ แต่การวาดภาพด้วยสีเหล่านี้ทำให้ภาพที่ได้เป็นสัญลักษณ์แทนมากกว่าจะวาดภาพเหมือน บางครั้งภาพนั้นสีจะดูแปลกตาจนอาจจะมองว่าประหลาดในสายตาคนยุคนี้เลยก็ได้
งานประติมากรรม
ด้านงานปะติมากรรมเนื่องจากว่าในยุคนั้นศาสนาคริตสต์โดนลดระดับความสำคัญลงมา ทำให้งานศิลปะแขนงนี้ถูกลดความสำคัญลงมาด้วย โดยงานปะติมากรรมจะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนพิธีมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นงานแกะสลักรูปคนบนโลงศพ โกศบรรจุธาตุศักดิ์สิทธิ์เป็นต้น เรื่องความสวยงามก็อย่างหนึ่ง แต่งานปะติมากรรมไบแซนไทน์ในยุคนี้เรื่องความคงทนต้องบอกว่าเหนือกาลเวลามาก งานประติมากรรมบางชิ้นแม้จะผ่านมาหลายร้อยปีก็ยังอยู่ในพิพิธภัณฑ์เหมือนใหม่ เหมือนไม่เคยถูกใช้มาก่อนเลย
แม้ว่าอาณาจักรไบแซนไทน์จะล่มสลายไปนานแล้ว แต่ความเชื่อของกลุ่มยังคงอยู่ (งานบางอย่างก็ยังคงอยู่ให้เราได้เสพกัน) ศิลปะไบแซนไทน์ยังคงกลายเป็นศิลปะที่เป็นแรงบันดาลใจ เป็นต้นแบบให้จิตรกรอีกหลายคนในยุคต่อมาได้สร้างเป็นผลงานของเค้าเอง